วันพุธ, สิงหาคม 30, 2549

คนไทยต้อง"เลือกข้าง" ข้างของความถูกต้อง

ผมเกลียดนิสัยคนไทยที่ชอบplay saveว่างตัวเป็นกลางมาเสมอ วันนี้(30 ส.ค.) อดีตนายกรัฐมนตรี นายอานันท์ ปัญยารชุน ออกมาพูด ตำหนิสังคมไทยว่า "สังคมไทยใช้คำว่าเป็นกลางพร่ำเพรื่อ"ได้ถูกใจผมมาก


ผมประกาศเลยว่าผมไม่เป็นกลาง ในชีวิตผมไม่เคยเป็นกลาง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความถูกกับความผิด ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความดีกับชั่ว ไม่เคยเป็นกลางระหว่างประชาธิปไตยกับความไม่เป็นประชาธิปไตย ระหว่างธรรมกับอธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างกติกาตามรัฐธรรมนูญกับกติกาจัดตั้งระหว่างอิสรภาพของสื่อกับการกีดกั้นอิสรภาพ ผมอยู่ฝ่ายหนึ่งเสมอไป และตลอดชีวิตของผมก็หวังว่าฝ่ายที่ผมอยู่จะเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง

วิกฤตการเมืองคราวนี้ได้เห็นผู้ใหญ่ในสังคมทนเห็นความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองไม่ไหว ออกพูดให้คนไทยต่อสู้เพื่อความถูกต้องแล้ว ผมคนไทยคนหนึ่งมีกำลังใจที่จะสู้ขึ้นมาได้ไม่น้อยเหมือนกัน


วิธีแก้
1. คนไทยต้องเลือกข้าง ข้างของความถูกต้อง

ดูเพิ่ม
“อานันท์” ปลุกสังคมเลือกข้างความดี - ย้ำผู้นำต้องเป็นของคนทั้งชาติ โดยผู้จัดการออนไลน์

วันอังคาร, สิงหาคม 08, 2549

สาเหตุที่ประเทศไทยไม่เจริญ

คือ... คนไทยไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

โลกาภิวัฒน์อาจจะทำให้ผู้ที่ขาดความเข้าใจบางคนนึกว่าประเทศเราเจริญเทียบทันกับประเทศที่เจริญแล้วนานาประเทศแล้ว เพราะสิ่งที่เค้ามีกันเราก็มีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ โทรศัพท์มือถือ รถไฟฟ้า ตึกรามบ้านช่อง แต่เป็นความจริงที่ถึงไม่อยากจะยอมรับก็ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเรายังด้อยพัฒนากว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมากนัก แต่ที่แย่กว่านั้นคือดูเหมือนว่าเราจะยังไม่รู้ตัว แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือดูเหมือนว่าเราไม่รู้ว่าต้องทำอะไรถึงประเทศจะเจริญ และที่แย่ที่สุดคือดูเหมือนว่า เราไม่ต้องการจะเจริญ

สาเหตุที่ประเทศไทยไม่เจริญมีมากมายมหาสาร แต่ถ้าให้สรุปเป็นหนึ่งคำที่ครอบคลุมที่สุด สาเหตุนั้นก็คือ "คนไทย" ก็จะเป็นอะไรไปอะไรอื่นไปได้อย่างไร เมื่อโลกยุคปัจจุบัน(พันๆปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน)ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตอนนี้มนุษย์เป็นผู้สร้าง(แทบ)ทุกอย่าง ความเจริญทางวัฒนธรรมหรือวัตถุก็เกิดจากมนุษย์ ประเทศที่พัฒนาแล้วผู้ที่พัฒนาก็คือประชาชนทุกๆคนในประเทศของเขา ประเทศไทยอยากจะพัฒนาก็ต้องเริ่มจากพวกเราทุกๆคน ไม่มีใครรัฐบาลไหนจะมาเสกให้ประเทศเจริญในช่วงข้ามปีได้ ความเจริญทางวัตถุที่แลกมาด้วยเงินก็ไม่อาจจะสร้างความเจริญให้ประเทศได้ เมื่อประชาชนในประเทศยังไม่เจริญทางความคิดและการกระทำ

คุณเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ว่าตัวเองได้ช่วยทำให้ประเทศเจริญขึ้น หรือถ่วงให้ประเทศด้อยลง(ไปอีก) การพัฒนาประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนทำทำอยู่ในทุกๆขณะ ไม่ว่าจะในหน้าที่การงาน ในหน้าที่ของผู้เป็นพ่อเป็นแม่หรือเป็นลูก ในหน้าที่ของประชาชนผู้มีสิทธิในระบอบการปกครองประชาธิปไตย ทุกๆการกระทำส่งผลลัพธ์ ถ้าเราทำดี ทำหน้าที่ต่างๆของตัวเองให้ดีที่สุด เราก็คือหนึ่งพลังของผู้ร่วมพัฒนาประเทศแล้ว ถ้าประเทศไทยเรามีคนที่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีมากกว่าที่ไม่ทำแล้ว ประเทศไทยของเราก็จะเจริญขึ้นมาเอง

เพราะฉะนั้นสาเหตุที่ประเทศไทยไม่เจริญเป็นเพราะคนไทยไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีนั้นเอง

วิธีแก้
1. ง่ายๆครับ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอครับ เริ่มตนที่ตัวเอง

ดูเพิ่ม
ความนึกคิดและทัศนคติของประชาชนกับการพัฒนาประเทศ

วันพุธ, กรกฎาคม 26, 2549

คนไทยไม่กลัวโง่ แต่กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเราโง่

กาแฟดำแห่งกรุงเทพธุรกิจเขียนไว้ได้ตรงใจมาก "คนไทยเราไม่กลัวโง่ แต่กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเราโง่" คงไม่ต้องบรรยายอะไรเพิ่มเติ่มอีก :)


คนไทยเราต่างหากที่มี "ลีลา" และ "ฟอร์ม" มากเกินไป ความพยายามจะเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้นั้นถูกขัดขวางโดย "ความหน้าบาง" ของคนไทยเองที่ไม่กล้าถาม เพราะกลัวว่าการถามจะเป็นการ "แสดงความโง่" ของตัวเอง

ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและพม่า เขาถามทุกเรื่องที่เขาอยากรู้ เพราะเขาไม่กลัวว่าใครจะคิดว่าเขาโง่ เพราะพอเขาถามแล้วได้คำตอบจากผู้ที่รู้ วันรุ่งขึ้นเขาก็กลายเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ถาม หรือไม่กล้าถาม ก็ยังจะต้องโง่ต่อไป

คนไทยเราไม่กลัวโง่ แต่กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเราโง่ และนี่แหละคือที่มาของความไม่ฉลาดของเราทั้งหลายทั้งปวง

โดย กาแฟดำ



วิธีแก้
1. คนไทยแต่ละคนในสังคม เริ่มจากที่ตัวเอง ช่วยกันกำจัดค่านิยม "ไม่กลัวโง่แต่กลัวคนอื่นคิดว่าตัวโง่" โดยยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ และมีความกระตื้อรือล้นที่จะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ
2. ไม่ดูถูกผู้ที่ไม่รู้ ให้คิดว่าก่อนที่ตัวเองจะรู้ ตัวเองก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน

วันพุธ, กรกฎาคม 19, 2549

Individual Attitude to promote Thai open source

ทัศนะระดับบุคคลช่วยพัฒนาโอเพ่นซอร์สไทย

from IT destination blog



ถ้าเรายังทำเฉยๆ ไม่หนุนการใช้ลีนุกซ์/โอเพ่นซอร์สแบบจริงๆจังๆ แล้วล่ะก็วันนึง เราคงได้เสียเงินซื้อซอฟต์แวร์จากประเทศเพื่อนบ้านเราแน่ๆ หรือไม่ก็ถูกแรงงานไอทีของเค้าเข้ามาแย่งงานทำ หรือไม่อาจจะต้องเชิญเค้ามาเป็นที่ปรึกษาโครงการโอเพ่นซอร์สเป็นแน่แท้


วิธีแก้ (จากIT destination blog)
อันที่จริงแล้ว ทั่วโลกเค้าใช้กลไกขับเคลื่อนโอเพ่นซอร์สจากกลุ่มคนเล็กๆ เท่านั้น
ทำงานชิ้นเล็กๆ แล้วจึงขยายผลไปทีละเล็กทีละน้อยจนเติบโตแข็งแกร่ง อย่างที่เห็นได้จากซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สหลายๆ ตัว แม้แต่เคอร์เนลลีนุกซ์ก็เกิดจากคนแค่ 2-3 คนริเริ่มขึ้นเท่านั้น

การที่จะทำให้ภาพความสำเร็จมีความกระจ่างชัดขึ้นได้นั้น จึงต้องเริ่มจากระดับตัวบุคคลก่อนไม่ใช่คาดหวังจากระดับองค์กรหรือภาครัฐ

ซึ่งการเริ่มต้นระดับบุคคลที่ว่านี้ มีหลัก 3 ประการ หรือ 3 ส. คือ

1. ส่วนรวม หมายถึง จะทำอะไรก็เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ เป็นความตั้งใจที่อยากเห็นสังคมส่วนรวม(ไอทีในประเทศของเรา) เจริญขึ้น พึ่งพาตนเองได้ มีภูมิคุ้มกันมีเข้มแข็ง ถ้าแต่ละบุคคลตระหนักถึงประโยชน์ของส่วนรวมแล้วก็จะทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจและนำตนเองพ้นจากอคติทั้งหลาย

2. เสียสละ คือ ยอมที่จะเป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน มีน้อยก็ให้น้อย มีมากก็ให้มาก ไม่ว่าจะเป็นแรงกาย ทรัพย์สิน เวลา สติปัญญา ความรู้ รวมไปถึงความรู้สึกคับข้องที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการทำงานร่วมกับผู้อื่น หากนำความเสียสละคนละเล็กละน้อยมารวมกันย่อมเกิดกำลังที่มากขึ้นได้ซึ่งนำไปสู่ความเจริญของทุกฝ่ายในที่สุด

3. สนุก ข้อนี้สำคัญมาก บุคคลไม่ว่าจะเป็นใครหากทำงานด้วยความสนุกย่อมจะทำได้ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย สำเร็จก็สนุก ยังไม่สำเร็จก็สนุก มีความสุขกับการทำหน้าที่ของตนเอง คนที่คิดและทำอย่างสนุกจะเป็นคนที่ไม่รู้สึกว่าเสียเวลาหรือขาดทุน มีแต่กำไร ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือ “เอามัน” ของนาย Linus Torvald ก็จะเข้าใจว่าลีนุกซ์ก็เกิดจากความสนุกของเค้านี่เอง


burlight: สรุปคือ communityต้องพึ่งตัวเอง อย่าหวังพึ่งหน่วยงานรัฐ และขับเคลื่อนโครงการโอเพ่นซอร์สโดยหลักการ 3 ส.

วันอังคาร, กรกฎาคม 18, 2549

ต้องส่งเสริมคนดี ควบคุมคนไม่ดี

"ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ....."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ค่ายวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512

ในบรรดาพระบรมราโชวาทของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งหมด(จะพูดให้ถูกคือที่ผมเคยได้ฟัง) ผมชอบอันนี้มากที่สุด เพราะ(อย่างที่ท่านได้ดำรัส)คนเรามีหลากหลาย บ้างก็ดี บ้างก็เลว การจะเปลี่ยนคนอื่นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก(เปลี่ยนตัวเองยังเปลี่ยนยากเลย) เพราะฉะนั้นสิ่งที่สังคมควรจะต้องทำคือ "ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้" แต่เมื่อใดที่มีคนเลวมากกว่าคนดีแล้ว หรือคนเลวได้ครองเมืองแล้วล่ะก็... วิกฤต! (เหมือนประเทศไทยในยุคปัจจุบัน (-_-')

วิธีแก้
1. เป็นหน้าที่ของคนดีที่จะต้องไม่เพิกเฉย ต้องช่วยกันทำให้คนเลวไม่มีอำนาจบทบาท (จะให้หนักกว่านั้น ต้องช่วยกันรุมประนาม :D )

ดูเพิ่ม
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 29, 2549

Foreign Language as just a basic knowledge

จงศึกษาภาษาต่างประเทศ เพื่อให้เป็นความรู้พื้นฐาน


พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ร.5

จงเข้าใจว่าภาษาต่างประเทศนั้นเป็นแต่พื้นของความรู้ เพราะวิชาความรู้ในหนังสือไทยที่มีผู้แต่งไว้นั้นเป็นแต่ของเก่าๆ มีน้อย เพราะมิได้สมาคมกับชาติอื่นช้านานเหมือนวิชาการในประเทศยุโรปที่ได้สอบสวนซึ่งกันและกันจนเจริญรุ่งเรืองมาก แล้วนั้น ฝ่ายหนังสือไทยจึงไม่พอที่จะเล่าเรียน จึงต้องไปเรียนภาษาอื่นเพื่อจะได้เรียนวิชาให้กว้างขวางออก แล้วจะเอากลับลงมาใช้เป็นภาษาไทยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจะทิ้งภาษาของตัวให้ลืมถ้อยคำที่จะพูดให้สมควรเสีย หรือจะลืมวิธีเขียนหนังสือไทยที่ตัวได้ฝึกหัดแล้วเสียนั้นไม่ได้เลย ถ้ารู้แต่ภาษาต่างประเทศ ไม่รู้เขียนอ่านแปลลงเป็น ภาษาไทยได้ก็ไม่เป็นประโยชน์อันใด...
พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานแด่พระเจ้าลูกยาเธอ ซึ่งไปทรงศึกษาในประเทศยุโรป เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘



ผมเห็นด้วยกับสมเด็จปู่ร.๕ ภาษาต่างประเทศเป็นภาษาที่จำเป็นที่จะต้องศึกษาเพื่อให้เป็นพื้นฐานความรู้สำหรับศึกษาศาสตร์ในแขนงอื่นๆต่อไปได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ได้เป็นสุดหมายปลายทาง คนไทยจำนวนมากศึกษาภาษาต่างประเทศโดยลืมความจริงอันนี้ไป
"ใช่ภาษาต่างประเทศสำคัญ เพราะมันเป็นประตูสู่โลกความแห่งรู้ที่กว้างขึ้น แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้ว ไม่นำความรู้มาทำประโยชน์ให้สังคมไทย ความรู้ต่างประเทศที่ศึกษามา ก็ไร้ค่าสำหรับสังคมไทย"



วิธีแก้
1. ครูในสังคมไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือครูที่โรงเรียน ต้องให้ความสำคัญกับภาษาต่างประเทศให้ถูก ให้เด็กเข้าใจว่ามันสำคัญอย่างไร ไม่ใช่ว่าสำคัญเพราะเพื่อที่จะให้พูดได้เหมือนฝรั่ง หรือเพื่อจะได้เข้าไปทำงานบริษัทฝรั่ง

วันเสาร์, มิถุนายน 24, 2549

Airport Tax at Bangkok Int' Airport

ภาษีท่าอากาศยาน เก็บก่อนไม่ได้หรือ?

ภาษีท่าอากาศยาน Thailand airpot taxใบเสร็จ ภาษีท่าอากาศยาน


กว่าจะได้ขึ้นเครื่องบิน นอกจากยังจะต้องมาcheck-inที่เคาเตอร์แล้ว ผู้ที่ใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมือง ยังต้องมาหยอดเงินซื้อ ภาษีท่าอากาศยาน(airport tax)อีก ทำไมท่าอากาศยานของประเทศอื่นไม่เห็นจะต้องมาทำอะไรอย่างนี้เลย เค้ารวมเข้ากับตั๋วโดยสารเลย ท่าอากาศยานก็ไปเรียกเก็บกับสายการบินต่างๆเองซิ เสียเวลาผู้โดยสารจริง

คราวที่แล้วที่ไปดอนเมืองเห็นฝรั่งคนหนึ่งจะออกไปด่านตรวจคนออกนอกประเทศแล้วไม่มีเงินบาท(ก็แล้วจะมีไปทำไมอีกล่ะตั้ง500บาทจะกลับประเทศแล้ว) ไปถามเคาเตอร์ว่ารับดอลล่าร์ไหม เจอตอบว่ารับแต่เงินบาท ฝรั่งเลยหัวเสียใหญ่ บอกว่า “That’s a very bad information!” (ที่ต้องมาจ่ายอะไรตอนนี้อีกจะกลับอยู่แล้ว และก็รับแต่เงินบาท)”

วิธีแก้
1. รีบๆเปลี่ยนให้มันเหมือนนานาประเทศเค้า ท่าอากาศยานไปเรียกเก็บกับสายการบินต่างๆเอง (รีบๆเลย ทำให้คนไทยและเทศหัวเสียมาเยอะพอแล้ว)


เครื่องจ่าย ภาษีท่าอากาศยาน Thailand airpot tax machineฝรั่งจ๋า ธนบัตรเหล่านี้ต้องพกติดตัวไว้จนว่าจะขึ้นเครื่องบินนะจ้ะ (ไม่ก็พกเหรียญ10บาทให้สัก50เหรียญนะจ้ะ)


เอ่อ... ว่าแต่เครื่องนี้รับแบงค์ได้ ทำไมแต่เครื่องที่บีทีเอสรับไม่ได้ล่ะ? (- -")

วันพุธ, มิถุนายน 21, 2549

Thai wikipedia: I am proud of you

ดีใจภูมิใจกับวิกิพีเดียไทย



ใช้วิกิพีเดีย(อังกฤษ)มาตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าวิกิคืออะไรเมื่อประมาณปี2546 จนเริ่มเห็นวิกิพีเดียไทย จำได้ว่าตอนนั้นเมื่อสองก่อน(ปี2547) วิกิพีเดียไทยยังมีบทความแค่80กว่าบทความเอง ปรากฎว่าผ่านไป2ปีทะลุ 10,000บทความไปแล้ว


ผมก็ได้ช่วยวิกิพีเดียไทยบ้างแต่ไม่มาก เห็นอาสาสมัครหลายๆคนในนั้น ทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างชาติ ทำงานหนักเพื่อช่วยกันสร้างสรรค์วิกิพีเดีย แล้วดีใจ ภูมิใจจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นกำลังใจทำให้ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยและสังคมไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

สู้ต่อไป วิกิพีเดียไทย!

See also
วิกิพีเดีย:หลักไมล์

List of all posts

สารพันปัญหา + วิธีแก้

  1. ระดับของการบริการ
  2. การหลอกขายราคาแพง
  3. ฉันกินคุณเก็บ
  4. การเลือกตั้งทำสกปรก
  5. บริการของการบินไทย (แย่)
  6. บีทีเอสรับแต่เหรียญ
  7. ภาษีท่าอากาศยาน เก็บก่อนไม่ได้หรือ?
  8. คนไทยบ้าบอล(แต่ไม่ใช่ ฟุตบอลไทย)

เรื่องดีใจภูมิใจ

  1. ดีใจภูมิใจกับวิกิพีเดียไทย
  2. บัวขาว ป. ประมุข นักมวยไทย ชื่อก้องโลก

แนวความคิด

  1. ความนึกคิดและทัศนคติของประชาชนกับการพัฒนาประเทศ
  2. จงศึกษาภาษาต่างประเทศ เพื่อให้เป็นความรู้พื้นฐาน

อื่นๆ

  1. วัตถุประสงค์ของบล็อกนี้

วันจันทร์, มิถุนายน 19, 2549

People attitude and country development

ความนึกคิดและทัศนคติของประชาชนกับการพัฒนาประเทศ


ถ้าคุณอ่านหนังสือประเภทการพัฒนาตัวเอง(self help)มาสักพอสมควร จะรู้ว่าทุกๆหนังสือสอนโดยมีหลักเดียวกัน หลักความจริงที่ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จหรือว่ามีความสุขได้ก็คือ “ความคิด”ของคนคนนั้นเอง

เหตุผลง่ายๆก็เพราะว่า

“ความคิด” ทำให้เกิด “การกระทำ” แล้วการกระทำก็ทำให้เกิด “ผลลัพธ์”

น่ะเอง

เพราะฉะนั้นถ้านำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาประเทศแล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติประสบความสำเร็จได้นั้น ก็ต้องเริ่มจากความคิดของประชาชนในชาติ

จะทำอย่างไรให้ประชาชนในชาติสามารถ “คิดถูก คิดดี”ได้? ความคิดที่ดีที่ถูกต้องนั้นเกิดขึ้นได้เมื่อมีปัญญาความรู้ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการศึกษา สรุปความแล้วได้ว่า การศึกษาคือรากฐานที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาชาติ การศึกษาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการศึกษาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแต่อย่างเดียว แต่หมายถึงการศึกษาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้วยตนเองจากการอ่าน จากการสนทนา หรือจากประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ของตนเองหรือของผู้อื่น

ประเทศไทยต้องส่งเสริมเรื่องการศึกษาของคนในชาติ(ไม่ใช่แค่เด็กและเยาวชนแต่คือประชาชนทุกคน)ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อประชาชนเป็นผู้รู้ เป็นผู้คิดเป็นแล้ว ก็เป็นผู้ที่พร้อมที่จะทำเป็น ทำดี คราวนี้ประเทศชาติก็มีกำลังพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มตัว

วันจันทร์, มิถุนายน 12, 2549

BTS: coin only please

บีทีเอส รับแต่ เหรียญ

กว่าจะได้ขึ้นรถไฟ คนกรุงเทพต้องเข้าแถวรอเพื่อแลกเหรียญ แล้วก็ เข้าแถวรอเพื่อซื้อบัตร

บีทีเอส ไม่รับ แบงค์ เสียเวลาต่อคิวแลกเหรียญโดยไม่จำเป็นเลยจริงๆ


ไม่เชื่อหรอกว่า คนไทยไม่สามารถทำเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่รับธนบัตรได้ (ก็มันเห็นๆอยู่ มีเครื่องรับแบงค์ได้)BTSเปิดให้ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ.2542 ปลายปีนี้ก็จะครบ7ปี ไม่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลง คนยังต้องไปแลกเหรียญที่เคาเตอร์อีก ไม่รู้ทำไมไม่ทำให้เครื่องมันรับแบงค์ได้นั้นยังคงเป็นปริศนาสำหรับผม ทำให้มันรับแบงค์ยี่สิบอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องทุกแบงค์

คนที่คิดว่าไม่จำเป็น คนที่คิดว่าจ้างคนมาคอยแลกเหรียญให้ถูกกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือว่าจะเป็นคนที่มีส่วนตัดสินใจที่ทำให้เครื่องมันรับแต่เหรียญก็ตาม อยากจะให้คิดให้มันละเอียดกว่านี้ว่า เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ทำให้คนจำนวนมากในแต่ละวันต้องเสียเวลาแลกเหรียญ มันถ่วงความเจริญของชาติ

บีทีเอส เหรียญพระเจ้าจอร์จ! เค้าออกแบบสถานีมาให้มีที่แลกเหรียญอัตโนมือโดยเฉพาะ มันช่างเป็นอะไรที่ยอดมาก ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ


วิธีแก้
1. รีบๆเปลี่ยนให้เครื่องรับแบงค์ให้เร็วที่สุด เพื่อประหยัดต้นทุนด้านเวลาของคนในชาติ
2. ลงโทษผู้ที่มีส่วนตัดสินใจให้เครื่องรับได้แต่เหรียญ ถ้าพบว่ามีความผิดในกระบวนการ(เช่นคอรัปชั่น)

วันเสาร์, พฤษภาคม 20, 2549

(Bad) Service of Thai airways

บริการ ของ การบินไทย (แย่)

ช่วง3-4ปีหลังนี้ผมใช้บริการสายการบินไทยบ่อย บ่อยขนาดบินฟรีไปต่างประเทศได้ หลายคนเคยบินการบินไทยแล้วคงเข้าใจถึงปัญหาในการบริการบนเครื่อง


ปัญหาที่ผมเจอด้วยตัวเองมีดังต่อไปนี้
1. สจ๊วดหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านในเวลาทำงาน
2. สจ๊วดไหว้แบบขอไปที (แบบนี้ไม่ไหว้ดีกว่าครับ ทักทายแบบสากลก็ได้)
3. แอร์โฮสเตสรินชาให้คนข้างผมแล้วชาหยดมาลงแก้วผม
4. ดูหนังเรื่องThe Interpreterถึงตอนไคลแมกซ์แล้วปิดเพราะเครื่องจะลง(เวลาไม่พอที่จะฉายก็ไม่ต้องฉายซิ)
5. แอร์โฮสเตสกระเทาะน้ำแข็งให้แขกคนอื่นแล้ว น้ำและน้ำแข็งกระเด็นมาโดนผมเปียกเต็มแขน (ขอโทษ แต่ไม่เอากระดาษมาให้เช็ด)
6. เครื่องออกดีเลย์ออกช้ากว่ากำหนด
7. ผมบอกว่าจะนอนตลอดเที่ยวบิน ไม่ทานทั้งนั้นกรุณาอย่าปลุก ก็มาปลุกให้เลือกอาหารจากเมนูอีก (เค้าอุตสาห์เอาสติ้กเกอร์มาติดให้แล้วนะ แต่ก็ไม่นัดแนะกันให้ดี)
8. แอร์โฮสเตสไม่ช่วยเก็บกระเป๋าขึ้นให้ ยืนดูเฉย(ผมไม่เป็นไรหรอก แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเค้าเก็บไม่ถึง สรุปแล้วเป็นผู้โดยสารอีกคนที่เก็บให้ แอร์ยืนเฉย ถ้าไม่มีใจที่จะบริการแล้วมาทำงานนี้ทำไม?...)
9. ไม่เปลี่ยนปลอกหมอน ผมได้ปลอกหมอนที่มีคราบอ๊วกของเด็ก(ก็หาอยู่นานว่ากลิ่นมันมาจากที่ไหน ที่ไหนได้หมอนเลยครับ รอยชัดเจน เหม็นมาก)

นอกจากประสบการณ์ตรงบนเครื่องของผมแล้ว ก็มีเวบไซท์การบินไทย เนี้ยแหละที่ทำให้หัวเสียพอกัน (ทำให้เสียเวลามาก)
1. Site Navigationแย่มากๆ
2. Responseของเวบไซท์ช้ามาก
3. นอกนั้นก็มีปัญหาlog-inไม่ได้ (session timeoutหรืออะไรสักอย่าง)
4. ออฟฟิตที่สิงค์โปร์ โทรไปรอแล้วรออีก พนักงานก็ไม่ว่างมารับสายให้(สายสำหรับRoyal Orchid Plus)

วิธีแก้
1. ในฐานะคนไทย เราก็ต้องช่วยกันส่งใบความคิดเห็น(comment)ให้การบินไทยปรับปรุงบริการให้ดีขึ้น เพื่อที่สายการบินของคนไทยจะได้เป็นสายการบินที่มีคุณภาพ (ผมเขียนไปหลายรอบแล้ว คงพอแล้ว เพราะถ้าจะเขียนคงต้องเขียนแทบทุกเที่ยวบิน)
2. เมื่อทำข้อ1.แล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้นในช่วงเวลาอันเหมาะสม ในฐานะผู้บริโภคเราก็ควรจะแสดงพลังของผู้บริโภคซึ่งก็คืออำนาจในการเลือกบริโภค
3. สำหรับองค์กรบริษัทการบินไทย ก็รีบเร่งที่จะแก้ไขปัญหาการบริการที่ไม่ได้มาตราฐานนี้ (ง่ายๆก็คือการอบรมให้พนักงานเข้าใจถึงความสำคัญของการบริการ(สำคัญมากๆ!) และอบรมให้สามารถบริการให้ดีๆ)




See Also
1. "เสียความรู้สึกกับบินไทย" หนึ่งในความ(ไม่)ประทับใจของคนไทยต่อการบินไทย

การเลือกตั้งทำสกปรก

เลือกตั้งสกปรก
ถนนที่สกปรกตาไปด้วยป้ายหาเสียง


ถึงช่วงเลือกตั้งทีไร ป้ายหาเสียงจำนวนมากก็จะถูกออกมาติดเต็มบ้านเต็มเมือง ทำให้มีปัญหาดังนี้
1. ทำให้บ้านเมืองสกปรก
2. บดบังทัศนียภาพ ทำให้มองไม่เห็นในสิ่งที่ต้องการเห็น (บังป้ายอื่นบ้างล่ะ)
3. ป้ายหาเสียงบางประเภทเป็นสติ้กเกอร์ แกะแล้วเหลือรอยสกปรกทำความสะอาดลำบากมากๆ
4. ตามตรอกซอยเล็กๆ หลังหาเสียงแล้ว ไม่มีเจ้าหน้าที่มาแกะออก ผ่านไปกี่เดือนป้ายก็สกปรกเมืองอยู่อย่างนั้น

เรียกว่ายังไม่ทันเข้ามาทำประโยชน์(เอ๊ะ รึว่าเข้ามาทำอย่างอื่น?)ให้กับบ้านเมืองเลย ก็มาทำความเสียหายให้กับบ้านเมืองไปก่อนแล้ว

แก้ไขยังไง? หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะออกกฎระเบียบออกมาให้ดีกว่านี้ เช่นบนถนนหนึ่งห้ามมีป้ายซ้ำกันภายในระยะ100เมตร ห้ามใช้สติ้กเกอร์ หรืออะไรก็ว่าไป แต่ที่ผมว่าสงสัยปัญหาแรกคือ... ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นปัญหา!

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 07, 2549

I eat You clear

เรากินคุณเก็บ


จานๆๆ
13จานที่พนักงานเก็บไม่ทัน ณ.ฟู๊ดเซ็นเตอร์แห่งหนึ่ง

ภาพนี้สามารถเห็นได้ตามฟู๊ดเซ็นเตอร์ต่างๆ ปัญหาก็คือ
1. ทำให้เสียพื้นที่โต๊ะสำหรับผู้ที่จะมาใช้ต่อ
2. ดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย สกปรกตา

บางคนอาจจะคิดว่าฉันเสียเงินไปก็เพื่อให้ได้ความสะดวกสบาย ทำไมฉันต้องมาเก็บเองด้วย? (คนประเภทที่คำว่าบริการตัวเอง(self-service)มีความหมายในพจนานุกรมส่วนตัวว่า "ไม่สะดวกสบาย") ผมก็อยากจะให้คิดว่า ฟู๊ดเซ็นเตอร์ที่ที่จำหน่ายอาหารราคาไม่แพง ไม่ใช่ร้านหรือภัตตาคารอาหาร จึงเป็นธรรมดาที่ต้องบริการตัวเองเป็นหลัก โปรดเถิด อย่าทำตัวเองให้เสียนิสัยโดยรอรับบริการเลย

วิธีแก้ไขนั้นง่ายมากคือ
1. แต่ละฟู๊ดเซ็นเตอร์จัดทำที่เก็บจานขึ้นมาให้เป็นเรื่องเป็นราว
2. แต่ละคนมีจิตสำนึกคิดถึงส่วนรวม ช่วยๆกันคนละไม้ละมือ กินเสร็จแล้วก็ช่วยกันเก็บในที่ที่เค้าจัดให้

ง่ายๆเพียงเท่านี้ ก็ทำให้ฟู๊ดเซ็นเตอร์ดูดีขึ้นเยอะ พนักงานทำความสะอาดก็จะได้มีเวลาไปทำความสะอาดส่วนอื่นให้สะอาดๆ

วันศุกร์, พฤษภาคม 05, 2549

Overprice

การหลอกขายราคาแพง


เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามร้านขนาดเล็กและแผงลอย ต้องถามเอาถึงจะรู้ราคา ปัญหาคือ ผู้ซื้อจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้กำลังถูกผู้ขายหลอกขาราคาแพงเกินจริง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่ผู้ซื้อประเมินราคาไม่ถูก

-การหลอกขายราคาแพงนั้น บางครั้งแพงกว่าราคาปกติถึงเท่าตัว อย่างเช่น ของที่เราสามารถซื้อได้400บาท อาจจะถูกหลอกขายที่800บาทได้
-บางคนผู้ขายมีเล่ห์เหลี่ยมในพูดจา ในการแสดงออกทางสีหน้าให้ผู้ซื้อหลงเชื่อว่า ราคาที่เขาขายนั้นถูกมากแล้ว เช่น แสดงความไม่พอใจเมื่อถูกต่อราคา
-ผู้ขายบางคนบอกราคาแพงถูกตามรูปลักษณภายนอกของผู้ซื้อ ถ้าดูมีเงินหรือเป็นคนต่างชาติก็บอกแพง ดูธรรมดาก็บอกราคาถูกลงมา

ผลกระทบ
ผลกระทบที่ตามมามีมากมายตั้งแต่
1. ผู้ซื้อกลัวถูกหลอกขายแพง ทำให้ผู้ซื้อต้องต่อราคาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งทำให้ผู้ขายได้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะได้ และเสียสุขภาพจิตที่ได้กำไรน้อย โดยเฉพาะร้านที่ขายไม่ดี แล้วพยายามขายให้ได้ด้วยการยอมขายราคาถูก
2. จากปัญหาข้างบน(1) ทำให้ผู้ขายต้องตั้งราคาเกินความจริง ไว้เผื่อให้ผู้ซื้อต่อราคา
3. จากปัญหาข้างบน(2) ทำให้ผู้ซื้อที่ไม่ต่อราคาซึ่งอาจจะเป็นด้วยความหวังดีว่าอยากให้ผู้ขายได้กำไรที่ควรได้ แต่กลับถูกหลอกฟันหัวแบะ ทำให้ผู้ซื้อต้องเสียสุขภาพจิตด้วยความเจ็บใจเมื่อมารู้ทีหลังว่าถูกหลอก
4. ผู้ซื้อไม่กล้าซื้อของโดยที่ไม่ได้เช็ค(และต่อรองราคา) กับร้านอื่นหลายๆร้าน ทำให้เวลาที่ใช้ในการนำของไปสู่มือของผู้ใช้ของให้เป็นประโยชน์ ยาวเกินความจำเป็นอย่างไม่เกิดประโยชน์ (ผู้ซื้อต้องเสียเวลาในการที่จะได้ของที่ต้องการ ในทางกลับกันผู้ขายก็เสียเวลาในการที่จะขายของให้ได้) คนในชาติเสียเวลาโดยไม่จำเป็น ใช้เวลาอย่างไม่เกิดประโยชน์
5. ผู้ซื้อเข็ดขยาด เลิกอุดหนุนซื้อของร้านเล็กๆ หันไปผูกขาดซื้อกับร้านใหญ่มีมาตราฐาน ทำให้ผู้ค้ารายย่อยต้องปิดกิจการ

วิธีแก้ไข
1. ให้มีป้ายบอกราคา ประโยชน์คือ
-ผู้ซื้อทราบราคาและเทียบราคากับร้านอื่นได้ โดยไม่ต้องไปถามผู้ขายให้เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย
-จากด้านบน ทำให้เกิดการแข่งขันราคาขึ้น ทำให้ผู้ขายต้องพัฒนาให้เสนอราคาได้ถูกกว่า
2. ผู้ซื้อร่วมใจกันไม่อุดหนุนร้านที่ไม่มีป้ายบอกราคา
3. แล้วเราก็จะได้ราคาที่สมดุลย์ที่ยุติธรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย และความสุขก็จะเกิดกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 04, 2549

Level of Service

ระดับบริการ
การบริการที่ดีเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าอย่างง่ายที่สุด แต่บริษัทหลายบริษัทในไทยกลับไม่เห็นความสำคัญและไม่จริงจังที่จะยกระดับของบริการของตัวเอง เป็นที่น่าเสียดายที่บริษัทเหล่านั้น ไม่ดึงเอาความสามารถของพนักงานของตัวเองออกมาใช้อย่างเต็มที่ ในเมื่อการจะให้พนักงานบริการให้ดีนั้นต้องการเพียงแค่ ความเข้าใจถึงความสำคัญของการบริการที่ดีและการอบรมขั้นพื้นฐานเท่านั้น

รายชื่อบริการไม่ดี จากประสบการณ์ตรงของผม
1. บริการในสาขาย่อยของธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนประชาชื่น (ณ เม.ย.49)
2. บริการบนเครื่องบินของการบินไทย (ปี 47-49)
3. บริการในร้านของsizzlerสาขาเดอะมอลล์งานวงค์วาน (ณ เม.ย.49)

รายชื่อบริการดี จากประสบการณ์ตรงของผม
1. บริการของฝ่ายเทคนิคDTAC (ณ พ.ค.49)

Blog's Objective

วัตถุประสงค์ของบลอกนี้
เพื่อเป็นการรณรงค์ให้คนไทยช่วยกันสร้างสรรค์และพัฒนาให้ประเทศไทยน่าอยู่มากขึ้น โดยจะ

1. หยิบยกประเด็นปัญหาที่ใกล้ตัวในสังคม
2. ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของปัญหา
3. เสนอวิธีแก้ไข
[4. ผู้อ่านนำไปปฏิบัติ ถ้าเห็นด้วย]

และจะนำเสนอสิ่งที่น่ายินดีในสังคมไทยควบคู่กันไป เพื่อเป็นกำลังใจและส่งเสริมให้คนไทยช่วยกันสร้างสรรค์สังคมไทยยิ่งๆขึ้นไป

เหตุผลที่ผมเขียนบลอกนี้
เพราะผมอยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น ผมเบื่อที่จะต้องมาบ่นและอารมณ์เสียทุกครั้งที่เจอกับปัญหาต่างๆที่ผมพบเห็นในบ้านเมืองและสังคม โดยที่ตัวเองไม่ได้ช่วยอะไรในการแก้ไขปัญหา เพราะหน้าที่การงานของผมไม่ได้เกี่ยวข้องและรับผิดชอบโดยตรงกับการแก้ปัญหาเหล่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ก็คือรณรงค์ให้คนในสังคมตระหนักถึงปัญหาและช่วยกันร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้ลุล่วงไป และบลอกนี้คือสื่อในการรณรงค์ของผม


ชื่อของบลอกนี้
ชื่อบลอกนี้อาจไม่ทำให้ไม่น่าอ่านเพราะแค่เห็นก็รู้สึกหดหู่แล้ว แต่ผมก็ตัดสินใจใช้ชื่อนี้เพราะเชื่อว่าก่อนที่เราจะแก้ปัญหาได้ เราต้องยอมรับความจริง ความจริงว่ามันมีปัญหา มันเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นชื่อบลอกว่า "Problems in Thailand" นั้นตรงประเด็นที่สุดแล้ว (ก่อนหน้านี้ชื่อ "Come on Thailand!" เพื่อให้ไม่ติดกับความหมายในแง่ลบของคำว่าปัญหา)