เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (23 เม.ย.) ได้มีปรากฏการณ์บางอย่างขึ้นกับ blog นี้ คือมี traffic มากเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจากปกติขึ้น 10 เท่า! จากวันนึงมีคนหลงเข้ามาไม่กี่สิบคน เป็นหลงเข้ามาเป็นร้อยๆ(ร้อยๆมีร้อยกี่ครั้งก็เท่านั้นร้อยแหล่ะ :P) เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มาจากคำค้นว่า "บัวขาว" ไม่ก็ "บัวขาว ป. ประมุข"
เดาว่าปรากฏการณ์นี้ต้องเกิดจากการที่สื่อใหญ่ออกเรื่องบัวขาวแน่ๆ ซึ่งหลังจากที่กูเกิลดูแล้วก็ได้ความว่าทีไอทีวี ออกรายการ "ย้อนรอย บัวขาว" ไปเมื่อคืนก่อนหน้า
แต่เป็นที่หน้าเสียดายว่า ปัญหาหนึ่งในประเทศไทย การปิดกั้นอิสระในการรับรู้ของประชาชน ทำให้คนไทยที่อยากรู้จักบัวขาว คนไทยที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศ กูเกิลเข้ามา blog นี้ แล้วไม่ได้ดูวีดีโอบัวขาว (เพราะ ICT ยังบ้าอำนาจบล็อก youtube อยู่)
blog นี้ยังไม่เปลี่ยนวัตถุประสงค์ ไปเป็น blog วีดีโอบัวขาว แต่ขอทำหน้าที่เป็นสื่อ(ตัวเล็กๆ)ให้คนไทยที่อยากรู้จัก"บัวขาว ป. ประมุข" ได้เห็นความสามารถคนไทยที่ดังระดับโลกจริงๆหน่อย
คราวนี้เลยขอคลิปจากเท่าที่มีในกูเกิลวีดีโอมาให้ดู
วันศุกร์, เมษายน 27, 2550
วันพุธ, เมษายน 04, 2550
ICT ยอมรับสั่งบล็อค YouTube ทั้งเว็ปไซต์
รัฐมนตรีกระทรวง ICT ด.ร. สิทธิชัย โภไคยอุดม ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ ยอมรับสั่งบล็อค YouTube ทั้งเว็ปไซต์ หลังได้พยายามขอความร่วมมือกูเกิลหลายครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว ให้นำคลิปตัดต่อหมิ่นพระบรมฉายาลักษณ์ออกไม่เป็นผลสำเร็จ ด.ร. สิทธิชัย ยังกล่าวต่ออีกด้วยว่า ICT จะเลิกบล็อค YouTube ก็ต่อเมื่อ YouTube นำเอาคลิปนั้นออกไปแล้วจาก - blognone (ซึ่งผมเขียนเอง :P)
โดย YouTube ได้ถูกบล็อคทั้งแต่คืนวันที่ 3 เม.ย. จนปัจจุบันนับเป็นเวลาครบหนึ่งวันเต็ม ยังไม่สามารถเข้าเว็ปไซต์จากอินเตอร์เน็ทในประเทศได้
ในความคิดของผม การกระทำของผู้โพส์วีดีโอนั้นเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งชาติไม่สามารถอภัยได้ แต่ถึงจะอย่างนั้น การปิดกั้นอิสระในการรับรู้ของประชาชน ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อยู่ดี
YouTube ถูกไอซีทีบล็อก (อีกแล้ว)
เป็นอีกครั้งที่รัฐละเมิดสิทธิของประชาชน สิทธิในการมีเสรีภาพที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร
ปัญหา
1. สิทธิในการรับรู้ข้อมูลของประชาชนถูกริดรอน
ผล
1. ประชาชนก็มีแนวโน้มแต่จะโง่ลง ในเมื่อความจริงถูกรัฐปิดบัง
สาเหตุ
1. รัฐมีความคิดที่ผิดต่อเสรีภาพ รัฐไม่คิดว่าการมีเสรีภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่มนุษย์ควรจะผึงมี
แก้ไข
1. ร่วมแสดงความคิดเห็นของท่านต่อการปิดกั้นข่าวสารนี้ที่ กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย หรือที่รัฐบาลโดยตรงที่ parliament.go.th
ปัญหา
1. สิทธิในการรับรู้ข้อมูลของประชาชนถูกริดรอน
ผล
1. ประชาชนก็มีแนวโน้มแต่จะโง่ลง ในเมื่อความจริงถูกรัฐปิดบัง
สาเหตุ
1. รัฐมีความคิดที่ผิดต่อเสรีภาพ รัฐไม่คิดว่าการมีเสรีภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่มนุษย์ควรจะผึงมี
แก้ไข
1. ร่วมแสดงความคิดเห็นของท่านต่อการปิดกั้นข่าวสารนี้ที่ กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย หรือที่รัฐบาลโดยตรงที่ parliament.go.th
วันจันทร์, เมษายน 02, 2550
ฟุตบอลไทย vs ฟุตบอลอินโด
เจอบทความนี้ในกระทู้บอลไทย (thaifootball.org) โดยบังเอิญ เลยอยากมาแบ่งบันให้ได้อ่านกัน
สำหรับผม อ่านแล้วได้ความว่า ถึงแม้ฟุตบอลทีมชาติไทยจะเก่งกว่า ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซีย, เวียดนาม, อื่นๆ แต่ฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยนั้น ยังด้อยพัฒนากว่ามาก ด้อยพัฒนากว่าของประเทศอินโดนีเซีย เพราะฟุตบอลอาชีพในไทยนั้น ไม่มีคนดู ไม่มีคน(เก่งๆ)เตะ (นักเตะทีมชาติไทยขายแข้งไปต่างประเทศอย่าง เวียดนาม สิงคโปร์) เพราะปัญหาการจัดการของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ (สมาคมฟุตบอลไทย?)
ปัญหา
1. ฟุตบอลในประเทศด้อยพัฒนา
สาเหตุ
1. ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบพัฒนา ไม่ทำหน้าที่ให้ดี
แก้ไข (ภาคประชาชน)
1. แสดงออกซึ่งความไม่พอใจ ในการ(ไม่)ทำงานของผู้มีหน้าที่ เช่น ปรากฎการณ์ VJ GET OUT
2. สื่อก็น่าจะเห็นแก้เงินน้อยลง สร้างกระแสฟุตบอลต่างประเทศให้น้อยลง ช่วยกันพัฒนาวงการฟุตบอลไทยจากหน้าที่ของสื่อให้มากขึ้น
ผมขอ เล่าประสบการณ์ ดูบอลครั้งแรกใน อินโดหน่อยนะครับ ขอโทษนะครับ อาจยาว และผมเขียนไม่เก่ง แต่เขียนจาก ที่ผมสัมผัสจริงๆ
ตอนนี้ผมทำงานที่ ประเทศอินโด อยู่เกาะกาลิมันตัน ที่บ้านเราเรียก เกาะบอร์เนียว คนของประเทศอินโด ยากจนกว่าบ้านเรามากครับ ความเจริญ นับว่าล้าหลังประเทศไทย นับสิบปี การเดินทางจากเมืองหนึ่งไปเมืองหนึ่งลำบากมากครับถนนที่เล็ก คดเคี้ยว ตามไหล่เขา ระยะทางสองร้อยกิโล ใช้เวลาอย่างเร็ว ก็ ห้าชั่วโมง
เมืองที่ผมอยู่ มีทีมฟุตบอลที่ได้เข้าไปเล่น เล่นในลีคสูงสุดของประเทศ คนที่นี่เขาภูมิใจมาก แข่งแบบเหย้า-เยือน ผมเข้าไปดูในสนามครั้งแรก เป็นเจ้าบ้าน ชื่อสนาม เปอร์ซิบ้า รับการมาเยื่อนของทีมจาก เกาะสุลาเวสี ครับ ( ครั้งแรกผมไปคนเดียว รู้จากการขับรถผ่านหน้าสนามเห็นป้าย และคนเยอะ เลยเข้าไปดู)
บรรยากาศผมบอกเลย นะครับว่าขนลุก บอลเตะ ห้าโมง สี่โมงครึ่งผมไปถึง คนเต็มแล้วครับ ต่อแถวกันยาวเหยียดเพื่อจะเข้าไปดูบอล ผมซื้อตั๋วผี จากคนเร่ขายหน้าสนามบัตรขายหมดไปแล้ว นอกสนามคนคึกคัก คึกครื้นมาก อย่างกะมีงานวัดบ้านเรา คนขายน้ำ ขายถั่ว หมากฝรั่ง ซาลาเปา วุ่นวายกันไปหมด พวกเด็กวัยรุ่น หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ เบียดเสียด ยัดเยียด เพื่อเข้ามาเชียร์บอลเต็มไปหมด กว่าผมเข้าสนามได้ ต้องแย่งเบียดกันเข้าไป ข้างใน ในสนาม คนเต็มทุกที่นั่ง (พอบอลเริ่มเตะ กลายเป็นที่ยืน) ไม่มีที่ว่างเลย มองออกไป ตามต้นไม้ ต้นไม่ที่นี่ ออกลูกเป็นคนครับ เด็กๆ ที่เข้าสนามไม่ได้เพราะคนเยอะ บางคนไม่มีเงินซื้อตั๋ว ก็ปีนตนไม้ ครับ เต็มทุกต้น ทั้งบนหลังคาบ้านที่ใกล้สนามด้วยครับ
ในสนาม นักฟุตบอลที่วอร์ม อยู่ทั้งสองทีม เชื่อไหมครับ ประเทศจนๆ อย่างนี้ เมืองต่างจังหวัดอย่างนี้ สามารถ จ้างนักเตะฝรั่งมาเล่น กลองกลางตัวคุมเกมเป็น ฝรั่ง ปีกซ้าย ขวา ก็ ฝรั่ง กลางหน้าตัวขาวๆ จิ๊ดมาก เล่นเก่งมาก จนผมต้อง ถามคนที่นั่งข้างๆ เขาบอก มาจาก ชิลิ กองหลัง ตัวดำใหญ่ๆ เข้าบอลแน่นมาก นี่ แอฟริกา ครับ ทีมฝั่งตรงข้าม ก็ มีต่างชาติไม่น้อยเช่นกัน ครับ
ใช้โค้ช ต่างชาติทั้งสองทีม
ผมคิดว่า ทำไมประเทศที่ยากจน กว่าเรา ลำบากกว่าเรา ทำไมเขามีปัญญาจ้าง ต่างชาติมาเล่นได้ การเดินทางก็ลำบาก ถนนหนทางไม่เจริญ ไปแข่ง ต่างเมืองแต่ละที เดินทางเป็นวันๆ
ประเทศนี้ ภุมิประเทศเป็นเกาะเล็กเกาะน้อย มีเกาะใหญ่ๆ อยู่ ห้า เกาะ ข้ามเกาะ ต้องนั่งเครื่องบินอย่างเดียว ในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายสูงมาก
ทำไม เขาทำได้ เขาด้อยกว่าเราทุกอย่าง ... อ่านต่อ
สำหรับผม อ่านแล้วได้ความว่า ถึงแม้ฟุตบอลทีมชาติไทยจะเก่งกว่า ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซีย, เวียดนาม, อื่นๆ แต่ฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยนั้น ยังด้อยพัฒนากว่ามาก ด้อยพัฒนากว่าของประเทศอินโดนีเซีย เพราะฟุตบอลอาชีพในไทยนั้น ไม่มีคนดู ไม่มีคน(เก่งๆ)เตะ (นักเตะทีมชาติไทยขายแข้งไปต่างประเทศอย่าง เวียดนาม สิงคโปร์) เพราะปัญหาการจัดการของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ (สมาคมฟุตบอลไทย?)
ปัญหา
1. ฟุตบอลในประเทศด้อยพัฒนา
สาเหตุ
1. ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบพัฒนา ไม่ทำหน้าที่ให้ดี
แก้ไข (ภาคประชาชน)
1. แสดงออกซึ่งความไม่พอใจ ในการ(ไม่)ทำงานของผู้มีหน้าที่ เช่น ปรากฎการณ์ VJ GET OUT
2. สื่อก็น่าจะเห็นแก้เงินน้อยลง สร้างกระแสฟุตบอลต่างประเทศให้น้อยลง ช่วยกันพัฒนาวงการฟุตบอลไทยจากหน้าที่ของสื่อให้มากขึ้น
คนไทย บ้าบอล(แต่ไม่ใช่ ฟุตบอลไทย)
เป็นความจริงที่หน้าเศร้าว่า ผมและเพื่อนๆชาวไทยจำนวนมาก(น่าจะหลายล้านคน) รู้จักนักฟุตบอลยุโรปมากกว่านักฟุตบอลทีมชาติไทยของตนเอง อย่างเช่นนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ คนไทยหลายคนบอกชื่อพร้อมตำแหน่งได้หมด แต่สำหรับทีมชาติไทยนั้นไม่รู้จักเลย อันนี้ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะว่าคนไทยรักประเทศอังกฤษมากกว่าประเทศไทยแต่อย่างไร แต่เพราะอะไรถึงเป็นอย่างนั้น?
จากการลองคิดขึ้นมาดูเล่นๆแล้ว ได้ว่า
1. ฟุตบอลอาชีพไทยไม่มีความน่าสนใจ เลยไม่มีคนดู ไม่มีผู้สนใจติดตาม
-เมื่อไม่มีคนดู ก็ไม่มีใครทำข่าว
-ก็เลยยิ่งไม่มีคนรู้จัก คนดู ไม่มีคนสนใจเข้าไปอีก
2. สื่อขายข่าวฟุตบอลต่างประเทศมากเกินควร คิดถึงแต่จะหาเงินแต่ไม่คิดถึงประโยชน์ของสังคม(ผู้นำเข้าการถ่ายทอดสดชอบอ้างว่าเพื่อเป็นการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย แต่ผมก็เห็นถ่ายทอดมาเป็นสิบๆปีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นวงการฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นมาเลย)
วิธีแก้
1. ก็ต้องแก้จากต้นเหตุ อันนี้ผมมองว่ามันทำมาผิดตั้งแต่ต้นแล้ว
ไหนมาดูกันว่าตอนนี้ฟุตบอลอาชีพมีทีมอะไรบ้าง
12ทีม ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก(พ.ศ.2549)
ม.กรุงเทพ, โอสถสภา M150, บีอีซี เทโรฯ, พนักงานยาสูบ, ธ.กรุงเทพ, ทหารบก, การท่าเรือ, ชลบุรี, ธ.กรุงไทย, การไฟฟ้าฯ, ไทยฮอนด้า, สุพรรณบุรี
12ทีม ลีก ดิวิชั่น 1((พ.ศ.2549)
สโมสรตำรวจ, ราชนาวี, ศุลกากร, ทีโอที, ชลบุรี-สันนิบาตฯ, โค้ก-บางพระชลบุรี , เซ็นทรัล, รัตนบัณฑิต , ทหารอากาศ , ม.เกษตรศาสตร์ , ราชวิถี, สมุทรปราการ
ผมดูไม่ออกเลยว่าใช้อะไรเป็นหลักในการจัดตั้งทีมพวกนี้ขึ้นมา ผมคิดง่ายๆว่า กีฬาอาชีพจะอยู่ได้ต้องมีคนดู มีแฟนทีม ดู24ทีมด้านบนแล้วผมไม่รู้เลยว่าจะเชียร์ทีมไหนดี เพราะมันไม่มีความผูกผันกับองค์กรอะไรพวกนี้เลย (คือจะเชียร์มันไปทำไม? ญาติก็ไม่ใช่) มันต้องทำแบบต่างประเทศเค้าคือ ต้องผูกทีมฟุตบอลไว้กับชุมชน คือเป็นทีมฟุตบอลของแต่ละชุมชน แล้วแฟนๆก็จะเป็นคนในชุมชนนั้นๆโดยอัตโนมัติ (บอกผมซิว่ามีประเทศไหนว่า ทีมฟุตบอลไม่ใช่ชื่อเมือง?) วันเสาร์อาทิตย์ไม่รู้จะทำอะไรก็เดินไปสนามกีฬา ดูฟุตบอล คนแทบๆนั้นก็เป็นแฟนทีมฟุตบอลทีมเดียวกันหมด มีความรู้สึกผูกผัน ความเป็นเจ้าของขึ้น คือเรียกว่าเป็นแฟนทีมขึ้น
ฟุตบอลอาชีพไทยต้องมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงใหม่หมดไปใช้หลักความคิดที่กล่าวมาแล้ว เริ่มจาก ตั้งทีมฟุตบอลตามชุมชน ชุมชนไหนมีStatiumก็จัดตั้งขึ้นมาเลย(แต่ให้มันกระจายกันหน่อย อย่างเช่น กรุงเทพ ก็ให้มีสองทีมคือที่สนามศุภชลาศัย กับ สนามราชมังคลากีฬาสถาน) แล้วให้Statiumนั้นๆเป็นStatiumประจำทีมไป
2. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ข้างต้น ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายๆหน่วยงาน เช่น
-สำนักงานเขตหรือจังหวัดนั้นที่จะมีทีมฟุตบอลในการสนับสนุนเรื่องต่างๆ เช่นการเงิน,
-จากสายการบินไทยเรื่องค่าการเดินทางระหว่างการแข่งขัน,
-จากหน่วยงานเอกชนในการเป็นสปอนเซอร์โฆษณาหลักของทีม (ให้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อทีมมันไปเลยก็ได้ แต่ของค่าโฆษณาเยอะๆหน่อย)
-จากสื่อ ต้องช่วยส่งเสริม โปรโมตให้มีคนดูเยอะๆ ทำข่าวฟุตบอลอาชีพไทยให้มากขึ้น ฟุตบอลต่างประเทศให้น้อยลง
ดูเพิ่ม
สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย
จากการลองคิดขึ้นมาดูเล่นๆแล้ว ได้ว่า
1. ฟุตบอลอาชีพไทยไม่มีความน่าสนใจ เลยไม่มีคนดู ไม่มีผู้สนใจติดตาม
-เมื่อไม่มีคนดู ก็ไม่มีใครทำข่าว
-ก็เลยยิ่งไม่มีคนรู้จัก คนดู ไม่มีคนสนใจเข้าไปอีก
2. สื่อขายข่าวฟุตบอลต่างประเทศมากเกินควร คิดถึงแต่จะหาเงินแต่ไม่คิดถึงประโยชน์ของสังคม(ผู้นำเข้าการถ่ายทอดสดชอบอ้างว่าเพื่อเป็นการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย แต่ผมก็เห็นถ่ายทอดมาเป็นสิบๆปีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นวงการฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นมาเลย)
วิธีแก้
1. ก็ต้องแก้จากต้นเหตุ อันนี้ผมมองว่ามันทำมาผิดตั้งแต่ต้นแล้ว
ไหนมาดูกันว่าตอนนี้ฟุตบอลอาชีพมีทีมอะไรบ้าง
12ทีม ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก(พ.ศ.2549)
ม.กรุงเทพ, โอสถสภา M150, บีอีซี เทโรฯ, พนักงานยาสูบ, ธ.กรุงเทพ, ทหารบก, การท่าเรือ, ชลบุรี, ธ.กรุงไทย, การไฟฟ้าฯ, ไทยฮอนด้า, สุพรรณบุรี
12ทีม ลีก ดิวิชั่น 1((พ.ศ.2549)
สโมสรตำรวจ, ราชนาวี, ศุลกากร, ทีโอที, ชลบุรี-สันนิบาตฯ, โค้ก-บางพระชลบุรี , เซ็นทรัล, รัตนบัณฑิต , ทหารอากาศ , ม.เกษตรศาสตร์ , ราชวิถี, สมุทรปราการ
ผมดูไม่ออกเลยว่าใช้อะไรเป็นหลักในการจัดตั้งทีมพวกนี้ขึ้นมา ผมคิดง่ายๆว่า กีฬาอาชีพจะอยู่ได้ต้องมีคนดู มีแฟนทีม ดู24ทีมด้านบนแล้วผมไม่รู้เลยว่าจะเชียร์ทีมไหนดี เพราะมันไม่มีความผูกผันกับองค์กรอะไรพวกนี้เลย (คือจะเชียร์มันไปทำไม? ญาติก็ไม่ใช่) มันต้องทำแบบต่างประเทศเค้าคือ ต้องผูกทีมฟุตบอลไว้กับชุมชน คือเป็นทีมฟุตบอลของแต่ละชุมชน แล้วแฟนๆก็จะเป็นคนในชุมชนนั้นๆโดยอัตโนมัติ (บอกผมซิว่ามีประเทศไหนว่า ทีมฟุตบอลไม่ใช่ชื่อเมือง?) วันเสาร์อาทิตย์ไม่รู้จะทำอะไรก็เดินไปสนามกีฬา ดูฟุตบอล คนแทบๆนั้นก็เป็นแฟนทีมฟุตบอลทีมเดียวกันหมด มีความรู้สึกผูกผัน ความเป็นเจ้าของขึ้น คือเรียกว่าเป็นแฟนทีมขึ้น
ฟุตบอลอาชีพไทยต้องมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงใหม่หมดไปใช้หลักความคิดที่กล่าวมาแล้ว เริ่มจาก ตั้งทีมฟุตบอลตามชุมชน ชุมชนไหนมีStatiumก็จัดตั้งขึ้นมาเลย(แต่ให้มันกระจายกันหน่อย อย่างเช่น กรุงเทพ ก็ให้มีสองทีมคือที่สนามศุภชลาศัย กับ สนามราชมังคลากีฬาสถาน) แล้วให้Statiumนั้นๆเป็นStatiumประจำทีมไป
2. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ข้างต้น ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายๆหน่วยงาน เช่น
-สำนักงานเขตหรือจังหวัดนั้นที่จะมีทีมฟุตบอลในการสนับสนุนเรื่องต่างๆ เช่นการเงิน,
-จากสายการบินไทยเรื่องค่าการเดินทางระหว่างการแข่งขัน,
-จากหน่วยงานเอกชนในการเป็นสปอนเซอร์โฆษณาหลักของทีม (ให้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อทีมมันไปเลยก็ได้ แต่ของค่าโฆษณาเยอะๆหน่อย)
-จากสื่อ ต้องช่วยส่งเสริม โปรโมตให้มีคนดูเยอะๆ ทำข่าวฟุตบอลอาชีพไทยให้มากขึ้น ฟุตบอลต่างประเทศให้น้อยลง
ดูเพิ่ม
สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)